![](https://sena.co.th/content/images/2022-11-05/1667672455.jpg)
สัมมา คีตสิน
ผู้เขียนเคยนำเสนอบทความเรื่องคอนโดราคาประหยัดมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ระบาดของโรค COVID-19 ผสมกับปัญหาทางเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศ ทำให้กระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยใหม่ค่อนข้างตกต่ำ โดยเฉพาะในตลาดคอนโดมิเนียมรอบกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงในพื้นที่ของจังหวัดท่องเที่ยว
ในทางตรงข้ามธนาคารของรัฐกลับมีปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มสูงขึ้นมากสวนทางกัน ทั้งนี้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยในส่วนธนาคารของรัฐนั้นเน้นที่การปล่อยให้กับผู้มีรายได้น้อยหรือปานกลาง คือกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาประหยัดนั่นเอง
หากวิเคราะห์ตลาดคอนโดมิเนียมในระดับราคา 1-2 ล้านบาท ที่กล่าวกันว่ามีจำนวนหน่วยมากกว่าระดับราคาใดๆนั้น แท้จริงแล้วราคาส่วนใหญ่กระจุกอยู่ในระดับราคา 1,600,000 – 2,000,000 บาทเป็นส่วนใหญ่ แต่คอนโดมิเนียมในระดับราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาทนั้นมีจำนวนน้อย และน้อยลงตามลำดับในระดับราคาใกล้เคียง 1 ล้านบาทและต่ำกว่า 1 ล้านบาท
เช่น หากราคาซื้อขายคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 800,000 บาท แต่อัตราค่าเช่าในตลาดเช่าอยู่ที่เดือนละ 6,000 บาท (หรือปีละ 72,000 บาท) อัตราส่วน Price-to-Rent Ratio เท่ากับ 800,000/72,000 = 11.1 เท่า หรือหากอัตราค่าเช่าอยู่ที่เดือนละ 5,000 บาท (หรือปีละ 60,000 บาท) อัตราส่วน Price-to-Rent Ratio เท่ากับ 800,000/60,000 = 13.3 เท่า อัตราส่วนดังกล่าวถือว่าต่ำมาก และสมควรที่ผู้บริโภคจะซื้อเป็นกรรมสิทธิ์มากกว่าการจ่ายค่าเช่าไปทุกเดือน (ในกรณีนี้ถือว่าราคาคอนโดมิเนียมต่ำมากจนสมควรซื้อเพื่อหวังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ดีกว่าการจ่ายค่าเช่าไปเปล่าๆเป็นเวลา 11-13 ปีโดยไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์)
ในสถานการณ์การระบาดที่ยังคงรุนแรงอยู่ในปัจจุบัน และกำลังซื้อของประชาชนยังอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับอุปทานของที่อยู่อาศัยในระดับราคาต่ำประเภทต่ำกว่า 1 ล้านบาทหรือใกล้เคียงที่ผลิตโดยผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยภาคเอกชนยังมีอยู่น้อยมาก จึงเป็นที่น่ายินดีที่ค่ายเสนาดีเวลลอปเม้นท์ได้หันมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ประสงค์จะซื้อหาคอนโดมิเนียมในระดับราคาดังกล่าว
![thumbnail](https://www.sena.co.th/images/senX-PS-200x70.png)
![thumbnail](https://www.sena.co.th/images/app.png)