นานแค่ไหน ถึงจะคืนทุน

31 ต.ค. 2565

 

หลายคนอาจคิดว่าการติดแผง Solar Roof นั้นก็คงให้ผลตอบแทนเหมือนๆกัน ตกลงแล้ว ถ้าคิดจะติดแผงโซลาร์บนหลังคา ต้องใช้เวลาคืนทุนกี่ปี การคำนวณจุดคุ้มทุนนี้เป็นเรื่องยากโดยเฉพาะสำหรับบ้านอยู่อาศัย เนื่องจากแต่ละครอบครัวใช้เวลาในการอยู่บ้านไม่เท่ากันและใช้ไฟในปริมาณที่แตกต่างกัน ดังนั้นจะขอยกตัวอย่างเป็น โฮมออฟฟิศ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

ปัจจัยสำคัญเรื่องการคิดจุดคุ้มทุนมาจากเรื่องของต้นทุนการคิดนั่นเอง ตรงนี้ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของบ้านเลือกวิธี Financing แบบไหน หลักๆแล้วมีด้วยกัน 4วิธี คือ ซื้อเงินสด กู้แบบ Personal Loan หรือสินเชื่อส่วนบุคคล กู้ผ่านบ้าน และกู้พร้อมบ้าน โดยมีวิธีการคำนวณคร่าวๆดังนี้

1.ซื้อเงินสด
กรณีคุณซื้อเงินสดลงทุนซื้อแผงเองทั้งหมด ไม่กู้จากธนาคารเลยสักบาท ด้วยกำลังผลิต 3.6 กิโลวัตต์นี้ คุณจะสามารถ ประหยัดค่าไฟได้เดือนละ 2,030.40 บาท หรือปีละ 24,364.80 บาทโดยมีส่วนต่างระหว่างค่าไฟที่ประหยัดปีละ 18,064.80 บาท โดยพิจารณาเปรียบเทียบกับการฝากเงินประจำ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.5% ต่อปี ดังนั้นจะให้ดอกเบี้ย 5,355 บาทต่อปี หรือเฉลี่ย 446 บาทต่อเดือน (หลังหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับบุคคลธรรมดา)

2.กู้แบบ Personal Loan
กรณีซื้อแผง โซลาร์รูฟท็อป ราคา 252, 000 บาทเหมือนเดิม ถ้าคุณกู้ผ่านสินเชื่อส่วนบุคคล หรือ Personal Loan โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 9.9 เปอร์เซ็นต์ จะต้องผ่านเดือนละ 2,690 บาท หรือปีละ 32,280 บาท นาน 9 ปี จึงจะคุ้มทุน โดยต้องจ่ายเพิ่มส่วนต่างระหว่างค่าไฟที่ประหยัดได้ต่อปี (24,364.80 บาท) กับอัตราผ่อนต่อปี (32,280 บาท) อีกปีละ 7,915.20บาท

3.กู้ผ่านบ้าน
หากเลือก Financing ผ่านบ้านของเราเอง อัตราดอกเบี้ยคงที่อยู่ที่ 4.25 เปอร์เซ็นต์ใน 3 ปีแรก จากนั้นเพิ่มเป็น 6.5 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ 4-30 ในโจทย์เดียวกันกับข้างต้น ดอกเบี้ยการกู้ด้วยวิธีนี้จะถูกกว่าแบบที่สอง และหากผ่อนกับธนาคาร เดือนละ 1,336 บาท หรือปีละ16,032 บาท รวมกับส่วนต่างค่าไฟที่ประหยัดได้อีก 2,030.40 บาทต่อเดือน หรือ 24,634.80 บาทต่อปีโดยมีส่วนต่างระหว่างค่าไฟที่ประหยัดได้กับอัตราค่าผ่อนบ้าน ปีละ 8,332.80 บาท ใช้เวลา 30 ปีถึงจะคุ้มทุน

4.กู้พร้อมบ้าน
ในกรณีที่เราซื้อบ้านกับโครงการ เราจะได้ต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าในฐานะที่ Solar Roof ถือเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้าน รวมถึงเวลากู้เงินไปกับการซื้อบ้านเลยนั้น เราก็จะได้รับโปรโมชั่นดีๆ ไปพร้อมกับบ้านด้วยค่ะ

กลับมาที่ตัวอย่างเดิม ถ้าซื้อบ้านที่มีโซลาร์ติดมาให้ จะสามมารถกู้ได้แบบดอกเบี้ยบ้าน ระยะเวลา 30 ปี โดยปีแรกดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.75 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ปีที่ 4-30 ขยับเป็น 6 เปอร์เซ็นต์ ค่าผ่อนกับธนาคารจะอยู่ที่ 14,928 บาท โดยคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ประหยัดได้คือ 24,364.80 บาทต่อปี นั้นหมายความว่า หากเรานำค่าใช้จ่ายที่สามารถประหยัดได้ มาหักกับค่าผ่อนธนาคารต่อปี ยังมีส่วนต่างอีก 9,436.80 บาท

ขณะเดียวกันการซื้อไปพร้อมกับบ้านในโครงการยังจะช่วยให้เราได้บริการที่ครบวงจรในการติดตั้งด้วย หากเจ้าของโครงการเป็นผู้ติดตั้ง Solar Roof ให้ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ คุณภาพของวัสดุของ Solar Roof ซึ่งหลักๆในตลาดมีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบ Crystalline กับ Thin Film สำหรับภูมิอากาศแบบบ้านเรา การติดแบบ Thin Film จะได้ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า หรือ Energy Yield ที่ดีกว่าเนื่องการเทคโนโลยีมีจำนวนชั่วโมงในการรับแสงมากกว่า ขณะเดียวกันแสงแดดไม้ต้องจ้ามากก็สามารถรับแสงได้ โดยเริ่มผลิตไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้า อย่างไรก็ดี เนื่องจาก Thin Film เป็นเทคโนโลยีใหม่กว่า Crystalline จึงมีการเก็บข้อมูลด้านอายุการใช้งานที่น้อยกว่า ส่วนแบบ Crystalline มีข้อมูลยืนยันอายุการใช้งานยาวนานกว่า 30 ปี

ก่อนที่จะเลือกซื้อ Solar Roof มาติดที่บ้านจึงควรคำนวณถึงเรื่องของต้นทุนที่เกี่ยวข้องในการติด ทั้งต้นทุนการเงินและค่าใช้จ่ายในการติดตั้งขณะเดียวกันก็ต้องมาทำความเข้าใจในรายละเอียดทางเทคนิคของแผ่นโซลาร์รูฟ ที่เอามาใช้ต้องมีการพิจารณาทั้งราคา ความทนทาน ประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน
 

อย่าลืมว่าการลงทุนติด Solar Roof เป็นการลงทุนระยะยาว ถ้าเกิดปัญหาทั้งๆที่ใช้ไปได้ไม่กี่ปี ก็จะทำให้เงินที่ลงทุนไปไม่คุ้มค่ากับเวลา 25ปี ที่คิดว่าจะเก็บดอกผลจากการติดโซลาร์เซลล์ค่ะ

ที่มาจากหนังสือ บ้านโซลาร์ อยู่เย็นคุ้มยาว

รวบรวมเนื้อหาสาระ ส่งมอบความสุข ความบันเทิง ให้เพลิดเพลินไปกับการอ่าน
Facebook: http://bit.ly/sena_facebook
Youtube: http://bit.ly/sena_youtube