ในโลกการทำงานตามปกติของธุรกิจโดยทั่วๆไป เราจะชินกับการทำงานในกรอบเวลา 8.00-17.00 น. โดยเวลาที่นอกเหนือจากนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเราที่จะนำไปจัดสรรเพื่อทำอะไรต่อก็ได้ อย่างไรก็ตามในวันหนึ่งๆนอกจากเราจะต้องทำงานแล้ว เราก็ต้องเผื่อเวลาไปกับการพักผ่อน เดินทาง หรือแม้แต่การทำงานที่นอกเหนือเวลางานปกติด้วยหากมีโปรแกรมเร่งด่วนหรือสำคัญมากเข้ามา
อย่างไรก็ตามด้วยรูปแบบการทำงานและทัศนคติของคนที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนจำนวนมากหันมาใส่ใจกับการเป็นเจ้าของเวลาของตัวเองกันมากขึ้น การทำงานในรูปแบบใหม่ๆไม่มีการยึดติดกับทั้งสถานที่และเวลาในการทำงาน ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารและไอทีที่ก้าวหน้า เราสามารถเลือกเวลาการทำงานที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของเราได้ ขณะเดียวกันผู้คนสมัยนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาทำงานที่สำนักงานเพียงอย่างเดียว เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์และมือถือที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตและ application ที่ช่วยในเรื่องของการทำงานหรือธุรกิจเมื่อการทำงานมีรูปแบบที่ยืดหยุ่นและเป็นอิสระมากขึ้น เราก็จะเห็นการทำธุรกิจที่เข้ามาตอบสนองตารางเวลาที่ยืดหยุ่นและไม่แน่นอนมากขึ้น ยกตัวอย่างง่ายๆก็เช่น ร้านสะดวกซื้อ หรือบรรดาฟิตเนสที่เปิด 24 ชั่วโมงกันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของคนที่มีเวลาการกินหรือดูแลสุขภาพที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานในเวลาปกติ หรือคนที่ทำงานนอกเหนือจากตารางเวลาปกติ
ในอนาคตที่คนสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา รูปแบบการทำธุรกิจในอนาคตจึงมีแนวโน้มที่จะเป็นธุรกิจที่มีความเป็นธุรกิจ 24 ชั่วโมงมากขึ้น นอกเหนือจากร้านสะดวกซื้อหรือฟิตเนสที่ให้บริการ 24 ชั่วโมงแล้ว เราจะเริ่มเห็นคาเฟ่หรือ co-working space ที่ให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงมากขึ้นด้วย โดยผู้คนสามารถมาใช้บริการทำงาน ประชุม อ่านหนังสือเตรียมสอบ พักผ่อน หรือแม้แต่ทำกิจกรรมสันทนาการ ขณะเดียวกันเทคโนโลยีที่พัฒนาไปรวดเร็วก็ช่วยลดต้นทุนและข้อจำกัดในด้านคนและสถานที่ก็จะยิ่งทำให้ธุรกิจต่างๆสามารถดำเนินงานแบบ 24 ชั่วโมงได้มากขึ้นด้วย ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือ การทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ของธนาคารที่ปัจจุบันเราสามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองจากปลายนิ้วผ่านมือถือหรือเครื่องอัตโนมัติโดยไม่ต้องรอเข้าคิวที่สาขาให้พนักงานมาจัดการให้
