ทุกวันนี้เราจะได้ยินศัพท์ธุรกิจสมัยใหม่แนวๆ 4.0, AI, Disruptive, Big Data กันบ่อยขึ้น คำเหล่านี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับวงการธุรกิจที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตามเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในโลกของการทำธุรกิจจริงๆนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ End หรือเป้าหมายที่เราจะเดินไป แต่เป็นเพียงแค่ Mean หรือวิธีการ, เครื่องมือที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้ทุกวันนี้เราจะได้ยินศัพท์ธุรกิจสมัยใหม่แนวๆ 4.0, AI, Disruptive, Big Data กันบ่อยขึ้น คำเหล่านี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับวงการธุรกิจที่ขาดไม่ได้ อย่างไรก็ตามเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในโลกของการทำธุรกิจจริงๆนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ End หรือเป้าหมายที่เราจะเดินไป แต่เป็นเพียงแค่ Mean หรือวิธีการ, เครื่องมือที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้
Big Data เป็นหนึ่งในคำที่เราคุ้นหูกันมากในโลกธุรกิจปัจจุบัน ตัว Big Data นั้นเป็นข้อมูลที่มีลักษณะ 3V ด้วยกัน อันประกอบด้วย 1.Volume คือเป็นข้อมูลปริมาณมาก 2.Velocity เป็นข้อมูลที่มีความเร็วสูง มีการไหลเวียนเข้ามาของข้อมูลที่ถี่ขึ้น และ 3.Variety คือเป็นข้อมูลที่มีลักษณะของความหลากหลายสูง โดยเนื้อแท้แล้วความท้าทายที่ธุรกิจเผชิญก่อนมี Big Data นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ว่าในสมัยก่อนหรือในโลกปัจจุบัน ธุรกิจต่างโหยหาการมีข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ เที่ยงตรง สะท้อนความจริงในตลาด เพียงแต่โจทย์ในสมัยก่อนนั้น เรามักจะถามตัวเองว่าเราจะหาข้อมูลได้จากไหน เป็นเรื่องของข้อมูลน้อย, ข้อมูลไม่เพียงพอเป็นหลัก
ขณะที่ข้อมูลในปัจจุบันมีลักษณะเป็น 3V มากขึ้นนั้นส่งผลให้เกิดความท้าทายต่อธุรกิจในการบริหารจัดการข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ในตอนนี้ธุรกิจไม่ได้เผชิญภาวะการขาดแคลนของข้อมูลอีกต่อไป แต่ธุรกิจกำลังแสวงหาความถูกต้องและตรงประเด็นของข้อมูล โดยข้อมูลที่ต้องการนั้นต้องสามารถนำมาต่อยอดได้ สร้างเป็น Market Insight ที่ช่วยให้ธุรกิจรับมือและฉวยประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในตลาดได้ โดย Big Data จะเข้ามามีบทบาทหลักในการบริหารข้อมูลแบบ 3V ของธุรกิจในปัจจุบันในส่วนของภาคอสังหาฯเองก็มีการนำเอา Big Data มาใช้กันมากขึ้นค่ะ ผลสำรวจบริษัทอสังหาฯเกือบ 500 แห่งในยุโรปเองก็ระบุว่า การตัดสินใจทางธุรกิจอสังหาฯที่นั้นให้ความสำคัญกับ Big Data เป็นอันดับ 2 รองจากประสบการณ์ ในอนาคตนั้นธุรกิจอสังหาฯมีแนวโน้มที่จะใช้ Big Data ช่วยในการตัดสินใจมากขึ้นเนื่องด้วยข้อมูลในลักษณะ 3V ที่จะทะลักเข้ามาในธุรกิจ โดยที่ Big Data นั้นจะทำให้ธรรมชาติของงานในภาคอสังหาฯนั้นมุ่งเน้นไปที่การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจมากขึ้น ขณะที่งานในด้านการเก็บข้อมูลนั้นจะลดบทบาทลงเพราะข้อมูลมีลักษณะออนไลน์และเข้ามาตลอดเวลาแบบ Real-time จากหลายแหล่งมากขึ้น
ภาคอสังหาฯในอนาคตจะใช้ประโยชน์จากการเขียน algorithm เพื่อช่วยประมวลผลและจัดระเบียบข้อมูลจาก Big Data มากขึ้นในอนาคต โดยภาคอสังหาฯในอนาคตจะมีขีดความสามารถในการตอบสนองต่อลูกค้าในตลาดได้รวดเร็วมากขึ้นในแบบ Real-Time ทั้งในเรื่องของการออกแบบบ้าน การให้บริการกับลูกค้า ขณะเดียวกัน Big Data จะช่วยให้ภาคอสังหาฯมีประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนั้นแล้วในการออกรายงานสถานการณ์ตลาดและรายงานทางการเงินเองก็จะมีความแม่นยำและทันต่อสถานการณ์มากขึ้นด้วยโดยสรุปแล้ว ในอนาคต Big Data จะมีบทบาทในแง่ของการเชื่อมโยงผู้ประกอบการและลูกค้าให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น ผู้ประกอบการเองสามารถใช้ประโยชน์จาก Big Data ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และยกระดับประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับทั้งจากตัวบ้านเองและบริการหลังการขาย Big Data เองจะขับเคลื่อนให้ภาคอสังหาฯขับเคลื่อนด้วยข้อมูลมากขึ้น งานภายในต่างไม่ว่าจะการออกรายงาน การวิเคราะห์ตลาด การบริหารความเสี่ยง ไปจนถึงการตัดสินใจลงทุนจะมีการใช้ประโยชน์จาก Big Data มากขึ้นด้วยค่ะ