สิ่งที่ 2 ที่เราเลี่ยงไม่ได้ในปีหน้าก็คือ ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่จะเริ่มเป็นขาขึ้น โดยในการประชุมกนง.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2561 ที่ผ่านมา แม้จะมีมติให้คงดอกเบี้ยไว้ตามเดิม แต่แบงก์ชาติก็ส่งสัญญาณชัดเจนขึ้นว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปและในอนาคต เพื่อให้ภาคเอกชนเตรียมการให้พร้อมและปรับตัวรับมือดอกเบี้ยขาขึ้นที่กำลังเป็นเทรนด์ทั่วโลก การปรับขึ้นของดอกเบี้ยในตลาดย่อมทำให้แบงก์มีต้นทุนเงินทุนที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนนี้ก็จะถูกส่งต่อไปยังผู้ซื้อบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้การเข้าถึงสินเชื่อบ้านทำได้ยากขึ้นหากรายได้วิ่งไม่ทันต้นทุนดอกเบี้ย
ประการสุดท้าย ที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ แนวโน้มราคาบ้านที่สูงขึ้น จากข้อมูลดัชนีราคาบ้านของแบงก์ชาติจะพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของราคาบ้านนั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจและราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้น โดยราคาที่อยู่แนวสูงอย่างคอนโดฯ นั้นมีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5-6% ต่อปีราคาบ้านที่สูงขึ้นต่อเนื่องในแต่ละปีก็จะทำทำหน้าที่เสมือนกรองผู้ซื้อบ้านที่มีศักยภาพโดยตัวเองอยู่แล้ว
โดยสรุปแล้วมาตรการ macroprudential ที่แบงก์ชาติกำลังพิจารณาอยู่นั้น หากมีการประกาศบังคับใช้จริงก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญต่อตลาดบ้านในปีหน้าซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายทั้งผู้ประกอบการเอง สถาบันการเงิน และผู้ซื้อบ้าน เนื่องจากมาตรการที่ออกมานั้นประจวบเหมาะกับการเปลี่ยนแปลงด้านกฎเกณฑ์ในแง่เงินกองทุนที่แบงก์ต้องตั้งสำรอง อีกทั้งดอกเบี้ยก็จะเริ่มเป็นขาขึ้นในปีหน้า ทำให้แบงก์เผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งต้นทุนทางการเงินและด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนไป ขณะเดียวกันราคาบ้านเองก็ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยต้นทุนทางการเงิน กฎระเบียบและนโยบาย และราคาบ้านที่สูงขึ้นจากราคาที่ดินจะถูกผลักไปยังผู้ซื้อบ้านในขั้นสุดท้าย ฉะนั้นแล้ว ขณะเดียวกันผู้ประกอบการและผู้ซื้อบ้านเองก็ควรวางแผนปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นทั้ง 3 ข้อที่กล่าวมานี้
รวบรวมเนื้อหาสาระ ส่งมอบความสุข ความบันเทิง ให้เพลิดเพลินไปกับการอ่าน
Tags:
ARTICLE EXCLUSIVE